"โรงรับจำนำ" หนึ่งในเครื่องมือชี้วัดเศรษฐกิจ ซึ่งผู้ให้บริการโรงจำนำเขาประเมินว่าเศรษฐกิจไทยไม่ซบเซามากนัก พร้อมเปิดเผยพฤติกรรม คนส่วนใหญ่ต้องการเม็ดเงินหมุนเวียนในกระเป๋าประมาณ 20,000 บาท

นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน ผู้ให้บริการโรงรับจำนำ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจแบบนี้ คนไทยยังคงพึ่งพาโรงรับจำนำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังเทศกาลเฉลิมฉลอง ก่อนเปิดภาคเรียน ยอดคนนำทรัพย์สินมาจำนำพุ่ง 2-3 เท่าตัว โดยส่วนใหญ่ของมีค่าที่นำเข้ามาจำนำสูงสุดอันดับ 1 ได้แก่ ทองคำ รองลงมาคือ เพชร, นาฬิกา และระยะหลังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ มักนำสินค้าแบรนด์เนม ทั้งกระเป๋า, เข็มขัด เข้ามาจำนำมากขึ้น โดยส่วนมากต้องการเงินหมุนเวียนราว 20,000 บาทต่อคนต่อครั้ง

นอกจากนี้ยังพบว่า หลายคนชำระดอกเบี้ย หรือไถ่ถอนสินทรัพย์ตรงเวลา ไม่ปล่อยหลุด สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ซบเซามากนัก ซึ่งโรงรับจำนำ คือ ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจไทย ช่วงไหนผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มสตาร์ทอัพ เข้ามาจำนำมาก สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจไทยคึกคัก ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นมีเพิ่มขึ้น

อีกเรื่องหนึ่ง ล่าสุดมีการเปิดตัวระบบการเงินเทคโนโลยี Lightnet ตั้งเป้าที่จะปฏิรูปตลาดการส่งเงินข้ามประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เริ่มต้นจากแรงงานข้ามชาติกว่า 11 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของธนาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาการใช้ระบบการเงินแบบเก่าที่มีต้นทุนสูง รวมถึงบริการที่อันตราย อย่างการเงินใต้ดิน ที่มีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นต้นทุนที่สิ้นเปลือง

ถือเป็นความรู้ และแน่นอนว่าต่อไปความสำคัญของพนักงานธนาคาร ตัวธนาคารอาจลดลง ซึ่งต้องติดตามดูกันต่อไป